ทำไมแพทย์ผิวหนังถึงพร้อมใจแฉคำว่า “Sushi Face” ว่าเข้าใจผิดมาตลอด
เราคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านความงามถึงศัพท์สกินแคร์สุดหลอกตาที่กำลังเป็นดราม่าบน TikTok
บน TikTok, สกินแคร์ กลายเป็นสนามข้อมูลผิดพลาดพอ ๆ กับคอนเทนต์ที่มีหมอผิวหนังหนุนหลัง ด้วยความที่แพลตฟอร์มนี้แน่นขนัดไปด้วยคำฮิตและคำแนะนำแบบไม่รู้จริง การจะรับมือกับเรื่องผิว ก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดมีครีเอเตอร์คนหนึ่งสร้างคำว่า “sushi face” ขึ้นมาใช้เรียกอาการหน้าบวมจากการบริโภคโซเดียม — ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญด้านผิว รวมถึงสายบิวตี้จำนวนมาก ออกมาแสดงความกังวลต่อแนวคิดสกินแคร์ที่ชวนเข้าใจผิดซึ่งอาจสร้างโทษมากกว่าประโยชน์
ในวิดีโอที่ปัจจุบันถูกลบไปแล้ว อินฟลูเอนเซอร์คนหนึ่งแนะนำผู้ติดตามให้เลี่ยงการกินซูชิและอาหารอื่น ๆ ที่มีโซเดียมสูง โดยอ้างว่าสามารถทำให้เกิดอาการที่เธอเรียกว่า “sushi face” ได้ เพื่อตอบโต้ประเด็นนี้ TikToker Eunnuri Lee ได้ออกมาทำวิดีโอไม่เพียงปฏิเสธคำดังกล่าว แต่ยังจัดให้เป็นการเหยียดเชิงไมโคร โดยอธิบายว่า “ทั้งหมอผิวหนังและนักโภชนาการก็มีศัพท์สำหรับ [อาการบวมน้ำจากโซเดียม] อยู่แล้ว โดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำที่มีนัยเหยียดเชื้อชาติ” นอกจากนี้เธอยังชี้ว่า การใช้คำที่อ้างอิงความเป็นเอเชียมาอธิบาย “ข้อบกพร่องด้านความงาม” เป็นการสร้างภาพด้านลบให้วัฒนธรรมเอเชียอย่างไม่เป็นธรรม
แม้คำว่า “sushi face” จะไม่ใช่ศัพท์วิทยาศาสตร์ แต่แพทย์ผิวหนังก็ยืนยันว่าอาการหน้าบวมจากอาหารเค็มนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย “เวลาเราบริโภคโซเดียมในปริมาณมาก ร่างกายจะดึงน้ำเพิ่มเข้าไปในเนื้อเยื่อต่าง ๆ เพื่อปรับสมดุลปริมาณเกลือในกระแสเลือด” Melanie Abeyta พยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและเจ้าของคลินิก Harmony Aesthetics Center กล่าว “มันไม่ใช่อาการแพ้ และไม่ใช่การอักเสบจากปลา — แต่เป็นเพียงอาการคั่งน้ำในร่างกายที่ถูกกระตุ้นโดยโซเดียมส่วนเกินเท่านั้น”
@eunnuri_lee มีแต่ชาวอเมริกันเท่านั้นที่เอาปลาซูชิเกรดดีไปจุ่มโชยุจนท่วม 🍣 #eunnurilee #asianamericans #grwm #influencer ♬ original sound – Eunnuri (은누리) Lee
นอกจากนี้ Abeyta ยังมองว่าความสามารถของโซเชียลมีเดียในการทำให้คอนเซ็ปต์สกินแคร์ดูง่ายเกินจริง ยิ่งตอกย้ำความเชื่อว่ามีอาหารบางชนิดที่ “ไม่ดีต่อผิว” หรือทำให้ดูไม่สวย ทั้งที่จริงแล้วอาการบวมน้ำจากโซเดียมไม่ได้จำกัดอยู่แค่กับอาหารประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น ในทำนองเดียวกัน Michelle Ventresca, ช่างผิวมืออาชีพและผู้ก่อตั้งแบรนด์ Live by Skin, เสริมว่าคำว่า sushi face เป็นตัวอย่างชัด ๆ ของความผิดเพี้ยนในคำแนะนำสกินแคร์ออนไลน์ “[คำว่า sushi face] แสดงให้เห็นเลยว่าข้อมูลผิด ๆ แพร่กระจายเร็วแค่ไหนเมื่อเราเอาปัญหาผิวไปผูกกับอาหารหรือเมนูประจำวัฒนธรรม” เธอกล่าว “ความจริงคืออาหารหลายมื้อ ไม่ใช่แค่ซูชิเท่านั้น ที่ทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้เพราะโซเดียม”
แม้อินเทอร์เน็ตจะเป็นแหล่งข้อมูลสกินแคร์จากหมอผิวหนังและนักวิทยาศาสตร์ด้านผิวหนังที่น่าเชื่อถือได้ แต่ก็เต็มไปด้วยคอนเทนต์ที่เน้นไวรัลและความตื่นตะลึงเช่นกัน ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวเริ่มออกมาต่อต้านศัพท์ที่ใช้ผิดความหมาย และกระตุ้นให้สายสกินแคร์ตรวจสอบข้อมูลที่เจออย่างรอบคอบเป็นพิเศษ — โดยเฉพาะถ้าไม่ใช่แหล่งข้อมูลที่ยืนยันตัวตนชัดเจน “ผู้ใช้ TikTok สามารถปกป้องตัวเองจากข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับผิวได้ ด้วยการมองแพลตฟอร์มนี้เป็นแหล่งแรงบันดาลใจ ไม่ใช่ตำรา แล้วนำคำอ้างต่าง ๆ ไปเช็กกับแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้” Ventresca แนะนำ “พยายามฟอลโลว์เฉพาะช่างผิวที่มีใบอนุญาตและแพทย์ผิวหนัง มองหาคำอธิบายที่ตั้งอยู่บนหลักการทำงานจริงของผิว และลองค้นข้อมูลเพิ่มเติมนอกแอปก่อนจะลองเทรนด์ใหม่ ๆ แค่นี้ก็ช่วยลดความเสี่ยงไปได้มากแล้ว”
บนโลกออนไลน์ เรามักตกหลุมกับดักคำแนะนำที่ไม่น่าเชื่อถือได้ง่ายเป็นพิเศษ ยิ่งเมื่อพูดถึงเรื่องผิว เราแทบยอมลองทุกอย่างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ฝันไว้ ตามมาด้วยคำเตือนจากแพทย์ผิวหนังว่า ยิ่งอินกับเรื่องสกินแคร์มากเท่าไร เราก็ยิ่งมีหน้าที่ต้องหาความรู้ที่ถูกต้องให้ตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ผิวสวยสมบูรณ์แบบอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “ข้อมูลผิด ๆ” กลับเข้าถึงได้ง่ายเกินไป
ไหน ๆ ก็อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ลองไปอัปเดตเรื่อง มอยส์เจอไรเซอร์ตัวใหม่ล่าสุดของ Dieux กันต่อเลย

















